อย.เตือน'หน้าพัง' ประกาศเครื่องสำอาง17 ยี่ห้อ อันตราย!!
วันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2555
ผู้เข้าชม 564 คน
วันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2555
ผู้เข้าชม 564 คน
ข้อมูล ณ วันที่ 3 พฤศจิกายน 2553
อย. ตรวจพบเครื่องสำอางผสมสารห้ามใช้ ทั้งปรอทแอมโมเนีย กรดวิตามินเอ ไฮโดรควิโนน สาเหตุทำหน้าพัง อีก 13 ยี่ห้อ แล้วยังเจอเครื่องสำอางมีสารควบคุมพิเศษไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับ ให้ถูกต้องอีก 4 ยี่ห้อ เตือนร้านค้าหากนำเครื่องสำอางผิดกฎหมายมาจำหน่ายจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวด
นพ.มรกต กรเกษม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ออกเก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางตามแหล่งจำหน่าย เช่น ร้านค้า และแผงลอย ส่งตรวจวิเคราะห์หาสารห้ามใช้ที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้ตรวจพบเครื่องสำอางมีสารห้ามใช้เพิ่มอีก 13 ยี่ห้อ โดยตรวจพบกรดเรทิโนอิกหรือกรดวิตามินเอ ปรอทแอมโมเนียหรือสารประกอบของปรอท และไฮโดรควิโนน ซึ่งสารห้ามใช้ทั้ง 3 ชนิด ทำให้เกิดการแพ้ และระคายเคืองต่อผิวหน้าซึ่งเป็นสาเหตุทำให้หน้าพังได้
อย. ตรวจพบเครื่องสำอางผสมสารห้ามใช้ ทั้งปรอทแอมโมเนีย กรดวิตามินเอ ไฮโดรควิโนน สาเหตุทำหน้าพัง อีก 13 ยี่ห้อ แล้วยังเจอเครื่องสำอางมีสารควบคุมพิเศษไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับ ให้ถูกต้องอีก 4 ยี่ห้อ เตือนร้านค้าหากนำเครื่องสำอางผิดกฎหมายมาจำหน่ายจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวด
นพ.มรกต กรเกษม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ออกเก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางตามแหล่งจำหน่าย เช่น ร้านค้า และแผงลอย ส่งตรวจวิเคราะห์หาสารห้ามใช้ที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้ตรวจพบเครื่องสำอางมีสารห้ามใช้เพิ่มอีก 13 ยี่ห้อ โดยตรวจพบกรดเรทิโนอิกหรือกรดวิตามินเอ ปรอทแอมโมเนียหรือสารประกอบของปรอท และไฮโดรควิโนน ซึ่งสารห้ามใช้ทั้ง 3 ชนิด ทำให้เกิดการแพ้ และระคายเคืองต่อผิวหน้าซึ่งเป็นสาเหตุทำให้หน้าพังได้
นอกจากนี้ตรวจพบว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวแสดงฉลากไม่ถูกต้อง บางผลิตภัณฑ์ ที่ฉลากไม่มีการระบุผู้ผลิตหรือผู้จัดจำหน่าย เลขที่ผลิต วันที่ผลิตหรือวันหมดอายุ โดยรายชื่อผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางผิดกฎหมายทั้ง 13 ยี่ห้อ ได้แก่
1.สมุนไพรรักษาสิวฝ้า
2.TALEENA CREAM ครีมสมุนไพร ว่านหางจระเข้
3.ครีมสมุนไพรหมอตะวัน โดยทั้ง 3 ยี่ห้อ พบปรอทแอมโมเนีย ฉลากไม่ระบุผู้ผลิตหรือผู้จำหน่าย ไม่มีเลขที่ผลิตและวันที่ผลิต
4.KARME Whitenting Cream Night Cream
5.Hymera Night Cream
6.WEiJiAO Double Night Cream โดยทั้ง 3 ยี่ห้อ พบกรดวิตามินเอ ฉลากไม่ระบุผู้ผลิตหรือผู้จำหน่าย ไม่มีเลขที่ผลิต
7.ครีมหมอตะวัน พบไฮโดรควิโนนและกรดวิตามินเอ ฉลากไม่ระบุผู้ผลิตหรือผู้จำหน่าย ไม่มีเลขที่ผลิตและวันที่ผลิต
8.JIAO LING ครีมสำหรับกลางวันเพื่อปรับผิวขาวขึ้น จุดด่างดำดูจางลง
9.JIAO LING ครีม-สำหรับกลางคืนเพื่อผิวขาวใสขึ้น จุดด่างดำดูจางลง
10.CAI NI YA (ที่กระปุกมีรูปพระอาทิตย์)
11.CAI NI YA (ที่กระปุกมีรูปพระจันทร์) โดยทั้ง 4 ยี่ห้อ พบปรอทแอมโมเนีย ฉลากไม่ระบุผู้ผลิตหรือผู้จำหน่าย และไม่ระบุ วันที่ผลิต
12.Hymera Day Cream และ
13.WEiJiAO Whitening Essence พบปรอทแอมโมเนีย ฉลากไม่ระบุ ผู้ผลิตหรือผู้จำหน่าย และไม่ระบุเลขที่ผลิต
นพ.มรกต กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ยังพบเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสารควบคุมพิเศษ ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับให้ถูกต้อง และฉลากไม่ถูกต้องอีก 4 ยี่ห้อ ได้แก่ EAGLE’S BROWN HENNA ตรวจพบสารพารา เฟนิลีนไดเอมีน 0.608 % แต่แจ้งไว้ที่ฉลากว่ามี 1 % อีกทั้งฉลากไม่ระบุผู้นำเข้า และเลขทะเบียน จัดเป็นเครื่องสำอางปลอมจึงอาจไม่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค และเครื่องสำอางยี่ห้อ SPA สมุนไพรขมิ้นชันเปลี่ยน สีผิว, SPA สมุนไพรน้ำแร่เปลี่ยนสีผิวสปา และ SPA ครีมน้ำนมมะขามเปลี่ยนสีผิวสปา
'ทั้ง 4 ยี่ห้อสำหรับตัวผลิตภัณฑ์พบสารไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ซึ่งเป็นสารควบคุมพิเศษ โดยมิได้ขึ้นทะเบียนตำรับให้ถูกต้อง อีกทั้งพบในปริมาณที่เกินอัตราส่วนสูงสุดที่กฎหมายกำหนด และที่ฉลากไม่มีการระบุผู้ผลิต เลขทะเบียน เลขที่ผลิตและวันที่ผลิต จัดเป็นเครื่องสำอางที่ไม่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค จึงขอเตือนผู้บริโภคอย่าซื้อเครื่องสำอางยี่ห้อดังกล่าวมาใช้อย่างเด็ดขาดเพราะเสี่ยงต่อการได้รับอันตรายได้ ดังนั้นเมื่อจะซื้อเครื่องสำอางต้องระมัดระวัง โดยซื้อจากร้านค้าที่มีหลักแหล่งแน่นอน มีฉลากภาษาไทยที่มีข้อความบังคับครบถ้วนได้แก่ ชื่อและประเภท ผลิตภัณฑ์ ส่วนประกอบสำคัญ วิธีใช้ ชื่อและที่ตั้งแหล่งผลิต วันเดือนปีที่ผลิต ปริมาณสุทธิ ที่สำคัญไม่ควรซื้อเพียงเพราะเชื่อคำโฆษณา'
นพ.มรกต กล่าวอีกว่า สำหรับร้านค้าที่ซื้อเครื่องสำอางมาจำหน่ายจะต้องซื้อจากผู้มีหลักแหล่งน่าเชื่อถือ และมีหลักฐานการซื้อขายที่ระบุชื่อและที่ตั้งของผู้ขายอย่างชัดเจน และขออย่าได้นำเครื่องสำอางที่ผิดกฎหมายดังกล่าวมาจำหน่าย หากเจ้าหน้าที่ อย. ตรวจพบจะดำเนินคดีทางกฎหมายอย่างเข้มงวด โดยผู้ขายจะต้องมีความผิดเช่นเดียวกับผู้ผลิต ส่วนบทลงโทษผู้ผลิตเพื่อขาย ผู้นำเข้าเพื่อขาย และผู้ขายเครื่องสำอางที่ไม่ปลอดภัยในการใช้จะต้องถูกระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีของผู้ขายหากรู้ต้นตอแหล่งผลิตให้แจ้งทางราชการทราบโดยด่วน เพื่อจะได้ดำเนินการกวาดล้างเครื่องสำอางอันตรายให้หมดไป
อย. ตรวจพบเครื่องสำอางผสมสารห้ามใช้ ทั้งปรอทแอมโมเนีย กรดวิตามินเอ ไฮโดรควิโนน สาเหตุทำหน้าพัง อีก 13 ยี่ห้อ แล้วยังเจอเครื่องสำอางมีสารควบคุมพิเศษไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับ ให้ถูกต้องอีก 4 ยี่ห้อ เตือนร้านค้าหากนำเครื่องสำอางผิดกฎหมายมาจำหน่ายจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวด
นพ.มรกต กรเกษม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ออกเก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางตามแหล่งจำหน่าย เช่น ร้านค้า และแผงลอย ส่งตรวจวิเคราะห์หาสารห้ามใช้ที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้ตรวจพบเครื่องสำอางมีสารห้ามใช้เพิ่มอีก 13 ยี่ห้อ โดยตรวจพบกรดเรทิโนอิกหรือกรดวิตามินเอ ปรอทแอมโมเนียหรือสารประกอบของปรอท และไฮโดรควิโนน ซึ่งสารห้ามใช้ทั้ง 3 ชนิด ทำให้เกิดการแพ้ และระคายเคืองต่อผิวหน้าซึ่งเป็นสาเหตุทำให้หน้าพังได้
นพ.มรกต กรเกษม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ออกเก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางตามแหล่งจำหน่าย เช่น ร้านค้า และแผงลอย ส่งตรวจวิเคราะห์หาสารห้ามใช้ที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้ตรวจพบเครื่องสำอางมีสารห้ามใช้เพิ่มอีก 13 ยี่ห้อ โดยตรวจพบกรดเรทิโนอิกหรือกรดวิตามินเอ ปรอทแอมโมเนียหรือสารประกอบของปรอท และไฮโดรควิโนน ซึ่งสารห้ามใช้ทั้ง 3 ชนิด ทำให้เกิดการแพ้ และระคายเคืองต่อผิวหน้าซึ่งเป็นสาเหตุทำให้หน้าพังได้
นอกจากนี้ตรวจพบว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวแสดงฉลากไม่ถูกต้อง บางผลิตภัณฑ์ ที่ฉลากไม่มีการระบุผู้ผลิตหรือผู้จัดจำหน่าย เลขที่ผลิต วันที่ผลิตหรือวันหมดอายุ โดยรายชื่อผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางผิดกฎหมายทั้ง 13 ยี่ห้อ ได้แก่
1.สมุนไพรรักษาสิวฝ้า
2.TALEENA CREAM ครีมสมุนไพร ว่านหางจระเข้
3.ครีมสมุนไพรหมอตะวัน โดยทั้ง 3 ยี่ห้อ พบปรอทแอมโมเนีย ฉลากไม่ระบุผู้ผลิตหรือผู้จำหน่าย ไม่มีเลขที่ผลิตและวันที่ผลิต
4.KARME Whitenting Cream Night Cream
5.Hymera Night Cream
6.WEiJiAO Double Night Cream โดยทั้ง 3 ยี่ห้อ พบกรดวิตามินเอ ฉลากไม่ระบุผู้ผลิตหรือผู้จำหน่าย ไม่มีเลขที่ผลิต
7.ครีมหมอตะวัน พบไฮโดรควิโนนและกรดวิตามินเอ ฉลากไม่ระบุผู้ผลิตหรือผู้จำหน่าย ไม่มีเลขที่ผลิตและวันที่ผลิต
8.JIAO LING ครีมสำหรับกลางวันเพื่อปรับผิวขาวขึ้น จุดด่างดำดูจางลง
9.JIAO LING ครีม-สำหรับกลางคืนเพื่อผิวขาวใสขึ้น จุดด่างดำดูจางลง
10.CAI NI YA (ที่กระปุกมีรูปพระอาทิตย์)
11.CAI NI YA (ที่กระปุกมีรูปพระจันทร์) โดยทั้ง 4 ยี่ห้อ พบปรอทแอมโมเนีย ฉลากไม่ระบุผู้ผลิตหรือผู้จำหน่าย และไม่ระบุ วันที่ผลิต
12.Hymera Day Cream และ
13.WEiJiAO Whitening Essence พบปรอทแอมโมเนีย ฉลากไม่ระบุ ผู้ผลิตหรือผู้จำหน่าย และไม่ระบุเลขที่ผลิต
นพ.มรกต กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ยังพบเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสารควบคุมพิเศษ ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับให้ถูกต้อง และฉลากไม่ถูกต้องอีก 4 ยี่ห้อ ได้แก่ EAGLE’S BROWN HENNA ตรวจพบสารพารา เฟนิลีนไดเอมีน 0.608 % แต่แจ้งไว้ที่ฉลากว่ามี 1 % อีกทั้งฉลากไม่ระบุผู้นำเข้า และเลขทะเบียน จัดเป็นเครื่องสำอางปลอมจึงอาจไม่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค และเครื่องสำอางยี่ห้อ SPA สมุนไพรขมิ้นชันเปลี่ยน สีผิว, SPA สมุนไพรน้ำแร่เปลี่ยนสีผิวสปา และ SPA ครีมน้ำนมมะขามเปลี่ยนสีผิวสปา
'ทั้ง 4 ยี่ห้อสำหรับตัวผลิตภัณฑ์พบสารไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ซึ่งเป็นสารควบคุมพิเศษ โดยมิได้ขึ้นทะเบียนตำรับให้ถูกต้อง อีกทั้งพบในปริมาณที่เกินอัตราส่วนสูงสุดที่กฎหมายกำหนด และที่ฉลากไม่มีการระบุผู้ผลิต เลขทะเบียน เลขที่ผลิตและวันที่ผลิต จัดเป็นเครื่องสำอางที่ไม่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค จึงขอเตือนผู้บริโภคอย่าซื้อเครื่องสำอางยี่ห้อดังกล่าวมาใช้อย่างเด็ดขาดเพราะเสี่ยงต่อการได้รับอันตรายได้ ดังนั้นเมื่อจะซื้อเครื่องสำอางต้องระมัดระวัง โดยซื้อจากร้านค้าที่มีหลักแหล่งแน่นอน มีฉลากภาษาไทยที่มีข้อความบังคับครบถ้วนได้แก่ ชื่อและประเภท ผลิตภัณฑ์ ส่วนประกอบสำคัญ วิธีใช้ ชื่อและที่ตั้งแหล่งผลิต วันเดือนปีที่ผลิต ปริมาณสุทธิ ที่สำคัญไม่ควรซื้อเพียงเพราะเชื่อคำโฆษณา'
นพ.มรกต กล่าวอีกว่า สำหรับร้านค้าที่ซื้อเครื่องสำอางมาจำหน่ายจะต้องซื้อจากผู้มีหลักแหล่งน่าเชื่อถือ และมีหลักฐานการซื้อขายที่ระบุชื่อและที่ตั้งของผู้ขายอย่างชัดเจน และขออย่าได้นำเครื่องสำอางที่ผิดกฎหมายดังกล่าวมาจำหน่าย หากเจ้าหน้าที่ อย. ตรวจพบจะดำเนินคดีทางกฎหมายอย่างเข้มงวด โดยผู้ขายจะต้องมีความผิดเช่นเดียวกับผู้ผลิต ส่วนบทลงโทษผู้ผลิตเพื่อขาย ผู้นำเข้าเพื่อขาย และผู้ขายเครื่องสำอางที่ไม่ปลอดภัยในการใช้จะต้องถูกระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีของผู้ขายหากรู้ต้นตอแหล่งผลิตให้แจ้งทางราชการทราบโดยด่วน เพื่อจะได้ดำเนินการกวาดล้างเครื่องสำอางอันตรายให้หมดไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น